วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

5 อาหารเช้าที่แย่ที่สุด

5 อาหารเช้าที่แย่ที่สุด


1. หมูติดมันทอดกรอบ


ปัจจุบันนี้หันไปทางไหนก็เจอร้านหมูติดมันทอดกรอบ ๆ ขายริมทางคู่กับข้าวเหนียวมากมาย แถมราคาก็ไม่แพง จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมาก จริง ๆ แล้วหมูติดมันทอดกรอบพวกนี้ไม่ใช่อาหารที่อันตรายหากทานไม่บ่อย แต่อย่าทานบ่อยแล้วกันเพราะมีน้ำมันและไขมันเยอะ ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตได้

2. แท่งธัญพืช

แน่นอนว่าธัญพืชเป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่แท่งธัญพืชเป็นอาหารที่ได้รับการแปรรูปจากผู้ผลิตมาแล้ว หลายครั้งผู้ผลิตใส่น้ำตาลมากเกินไป ถ้าทานบ่อยนอกจากส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้วยังทำให้อ้วนอีกด้วย

3. ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน

ปาท่องโก๋เป็นอาหารโปรดยามเช้าของคนไทย หลายบ้านให้ลูกทานปาท่องโก๋คู่กับนมข้นหวาน แต่อย่าให้ทานบ่อยแล้วกันค่ะเพราะส่วนมากปาท่องโก๋ทำจากแป้งขัดขาว เป็นชนิดของแป้งที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลและเข้าสู่กระแสเลือดได้ไว แถมปาท่องโก๋นั้นทำด้วยวิธีทอดในน้ำมันกระทะใหญ่ ยิ่งส่งผลเสียเข้าไปอีก

4. หมูปิ้ง

จริงๆ แล้วการทานหมูปิ้งคู่กับข้าวเหนียวไม่ใช่มื้อเช้าที่เลวร้าย แต่โดยมากหมูปิ้งที่ขายกันอยู่มักมีส่วนที่ไหม้เยอะหากอยากทานพยายามหาร้านที่หมูไม่ไหม้มาก หรือพยายามตัดเอาส่วนที่ไหม้ออก จะได้ลดความเสี่ยงมะเร็งกันนะคะ

5. ขนมครก

ขนมครกเป็นอาหารโปรดยามเช้าของคนไทย บางบ้านให้ลูกทานขนมครกคู่กับนมหรือเครื่องดื่มร้อน แต่อย่าลืมว่าขนมครกนั้นเป็นของหวาน เพราะฉะนั้นหากทานแป็นอาหารเช้าย่อมได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ถ้าจะทานควรทานเป็นของว่างในปริมาณไม่มากดีกว่า




 FOS Detox Apple Flavor - ฟอส ดีท็อกซ์ รสแอปเปิ้ล
FOS Detox Apple Flavor - ฟอส ดีท็อกซ์ รสแอปเปิ้ล
ไม่ใช่การบังคับให้ขับถ่ายแบบหมดไส้ หมดพุง หรือปวดท้องทรมานก่อนการขับถ่าย แต่เป็นการ ดีท็อกซ์แบบองค์รวมที่ไม่เพียงแค่ขับสารพิษออกจากร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังช่วยปรับสมดุลระบบการทำงานของร่างกายให้คุณอีกด้วย เพียงทานและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง 3-5 วัน* 
ผลลัพธ์ที่ได้คือ สุขภาพของคุณจะดีขึ้นตามลำดับอย่างเห็นได้ชัด  เช่น

การขับถ่ายจะสะดวกขึ้นใน                1 วัน
การดูดซึมอาหารจะดีขึ้นใน               3 วัน
กลิ่นผายลมจะลดลงใน                      3 วัน
ระบบขับถ่ายจะเข้าสู่ภาวะสมดุลใน  7 วัน
กลิ่นปากและกลิ่นตัวลดลงใน            7 วัน
ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งขึ้นใน             14 วัน
ระบบเลือดจะสะอาดขึ้นใน               14 วัน

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก!!!
โทร.089-071-8889 , 094-435-0404
line id : JumbolifeShop




วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เคี้ยวช้าลง เสริมสุขภาพให้ดีขึ้นได้


เคี้ยวช้าลง เสริมสุขภาพให้ดีขึ้นได้

อ้ำๆๆ เคี้ยวช้า เคี้ยวเร็ว คุณสาวๆ เป็นคนเคี้ยวอาหารแบบไหนกันเอ่ย…? 
คุณสาวๆ ทราบมั้ยคะว่า อัตราการเคี้ยวอาหารนั้น สามารถบ่งบอกโรคได้นะคะ ยิ่งเคี้ยวเร็ว กลืนเร็วมากเท่าไหร่ สุขภาพของคุณสาวๆ ก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น มาดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะว่า ถ้าเราเคี้ยวอาหารให้ช้าลงแล้วนั้น จะส่งผลดีได้อย่างไร…^_^

…..ข้อดีอย่างแรกเลยนั่นก็คือ จะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหารนั่นเองค่ะ ถ้าหากว่าคุณสาวๆ เคี้ยวอาหารให้ช้าลง ระบบการย่อยอาหารก็จะทำงานน้อยและช้าลง ทำให้มีประสิทธิภาพในการย่อยสารอาหารต่างๆ ได้มากขึ้น

…..เคี้ยวช้า เคี้ยวดีมีจังหวะ จะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลาย และต่อมใต้หู ส่งผลทำให้ร่างกายหลั่งสารฮอร์โมนที่มีผลต่อสมอง ทำให้เกิดการพัฒนาในด้านการขบคิด มีสมาธิดี ช่วยให้สมองแข็งแรงขึ้นได้นั่นเอง



……………เคี้ยวช้า กี่ครั้ง ส่งผลอย่างไรบ้าง……………

— 30 ครั้ง ต่อ 1 คำ ถ้าหากว่าคุณสาวๆ อยากมีเหงือกและฟันที่แข็งแรง ก็ให้ใช้จังหวะในการเคี้ยวอาหาร 30 ครั้ง ต่อ 1 คำ ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

— 50 ครั้ง ต่อ 1 คำ อาจจะนานไปสักนิด แต่รับรองว่าถูกใจสาวๆ ที่กำลังไดเอตแน่นอนค่ะ เพราะการเคี้ยวอาหารในจังหวะนี้ จะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำ ที่มากเกินความจำเป็นดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แถมยังช่วยลดความตึงเครียด ความกังวลต่างๆ ได้อีกด้วยล่ะค่ะ

— 60 ครั้ง ต่อ 1 คำ อาการท้องผูกจะลดลงได้ ถ้าคุณสาวๆ เริ่มการเคี้ยวอาหารให้ช้าลงถึง 60 ครั้งต่อ 1 คำ ยิ่งถ้าคุณสาวๆ เลือกทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ด้วยล่ะก็ จะยิ่งช่วยทำให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้นค่ะ

— 80 ครั้ง ต่อ 1 คำ การเคี้ยวอาหารในลักษณะนี้ จะช่วยให้มีประสาทสัมผัสที่ไวขึ้น ความจำดี ที่สำคัญ ยังสามารถช่วยให้จำแนกรสชาติของอาหารได้อย่างแม่นยำ

— 100 ครั้ง ต่อ 1 คำ ส่งผลทำให้สมองของคุณ มีระบบการจัดการที่เป็นระบบ มีแบบแผนดีขึ้น ลดอารมณ์ที่เกิดจากความตึงเครียดได้มาก แถมยังช่วยให้เกิดความอยากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ลดน้อยลงอีกด้วยล่ะค่ะ

— 150 ครั้ง ต่อ 1 คำ เหมาะมากๆ สำหรับสาวๆ ที่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อเกิดความโกรธ หรือโมโห เพราะการเคี้ยวอาหารช้ามากแบบนี้ จะช่วยให้อารมณ์เย็นลงได้ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ดีขึ้นได้

— 200 ครั้ง ต่อ 1 คำ ช่วยให้สมองขบคิดกระบวนการคาดการณ์และวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น ยิ่งเคี้ยวช้า สมองของคุณก็จะยิ่งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ

…..เรื่องสุขภาพ เป็นเรื่องใกล้ตัว อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ อย่างจังหวะในการเคี้ยวอาหารกันไปนะคะ ใส่ใจเพิ่มเติมอีกสักนิด รับรองว่า คุณจะเป็นคนที่มีสุขภาพจิต และสุขภาพกายที่แข็งแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอนค่ะ



ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)



 http://www.jumbolifeshop.com/product/227/pendura-ultimate-slimming-set-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93-%E0%B9%83%E0%B8%991%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7

Pendura Ultimate Slimming Set 
ที่สุดแห่งการลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน 
ดีท็อกซ์ บำรุงผิวพรรณ ใน1เดียว
รายละเอียดเพิ่มเติม 
http://tinyurl.com/penduraslimmingset
หรือ http://www.JumbolifeShop.com
โทร.094-435-0404,089-071-8889
line id : JumbolifeShop










เจ้าสาวอ้วน ลดน้ำหนัก จนสวยปิ๊ง เพื่อ ชุดเจ้าสาวในฝัน


เจ้าสาวอ้วน ลดน้ำหนัก จนสวยปิ๊ง เพื่อ ชุดเจ้าสาวในฝัน



     วันที่ผู้หญิงอยากเป็นคนที่สวยที่สุดในงานก็คือ วันแต่งงาน เมื่อใกล้ถึงวันสำคัญสาวๆ จึงพากัน ลดน้ำหนัก แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว แต่สาวคนนี้ทำได้! คริสตี้ โทมัส อายุ 25 ปี เธอพยายามที่จะ ลดน้ำหนัก ให้ได้ เพราะชุดแต่งงานที่เธอหมายตาเอาไว้ มีขนาดเพียงไซด์ 8 เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงชุดที่เธอใส่ใหญ่ถึงไซด์ 16 นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการ ลดน้ำหนัก

        ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีความตั้งใจที่จะ ลดน้ำหนัก จนกระทั่ง คริสตี้ ได้เห็นชุดแต่งงานชุดนี้ เธอรู้ทันทีเลยว่าชุดนี้เกิดมาเพื่อเธอ เธอจะไม่ปล่อยให้ความอ้วนมาเป็นอุปสรรคในการใส่ชุดแต่งงานในฝัน แม้มันจะเล็กมากเพียงไซด์ 8 ก็ตาม แทนที่เธอจะยอมแพ้ นี่กลับกลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญให้เธอหันมา ลดน้ำหนัก อย่างจริงจัง คริสตี้รู้ว่าเหตุผลครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เธอกลับมามีรูปร่างที่ดีอีกครั้ง


        คริสตี้ อยากมีอัลบั้มรูปแต่งงานที่เธอสามารถภาคภูมิใจ และเธอรู้ว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้เป้าหมายในการ ลดน้ำหนัก สำเร็จ ก็คือ ชุดแต่งงาน เมื่อเธอมีเป้าหมายการ ลดน้ำหนัก ที่ชัดเจน นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งพฤติกรรมการกินอาหารและไลฟ์สไตล์ เธอหยุดทานขนมขบเคี้ยวต่างๆ และไม่ทานขนมปังอีกเลย แต่หันไปออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์แทน


  ผลลัพธ์ที่ออกมามันช่างคุ้มค่าและน่าประทับใจจริงๆ เธอใช้เวลาเพียง 9 เดือน ก็สามารถเปลี่ยนไซด์ตัวเองจากสาวไซด์ 16 กลายมาเป็นสาวหุ่นเพรียวลมไซด์ 8 ก่อนหน้านี้เธอมีน้ำหนักถึง 97 กิโลกรัม ตอนนี้เหลือแค่ 62 กิโลกรัม น้ำหนักหายไปถึง 35 กิโลกรัม


         สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เธอสามารถสวมใส่ชุดแต่งงานในฝันได้อย่างพอดีราวกับว่ามันตัดมาเพื่อเธอ วันแต่งงานเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต และเธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูรูปแต่งงานของตัวเอง งานนี้คนที่ปลื้มที่สุดน่าจะเป็นเจ้าบ่าว เพราะเหมือนได้แฟนใหม่สวยราวกับนางฟ้า


        อยากบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าเราสามารถเอาชนะใจตัวเองได้ คุณก็สามารถชนะได้ทุกอย่าง สาวๆที่ตั้งใจอยาก ลดน้ำหนัก ลองหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองสักอย่าง แล้วทำตามความฝันนั้นให้ได้ แล้วคุณจะมีความสุขมากที่สุดเหมือนเจ้าสาวคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ




 โกลด์เชพ เฟิร์มมิ่งครีม ลดไขมันส่วนเกิน และเซลลูไลท์

ตัวอย่างผู้ใช้โลชั่นลดไขมัน 



ตัวอย่างผู้ใช้โลชั่นลดไขมัน 




5 วิธีบู๊สต์พลัง ป้องกัน มะเร็งเต้านม

5 วิธีบู๊สต์พลัง ป้องกัน มะเร็งเต้านม



มะเร็งเต้านม เป็นอีกโรคที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกเป็นจำนวนมาก สาวๆหลายๆคนก็คงกลัวและกังวลว่า ตัวเองจะมีโอกาสเป็น มะเร็งเต้านม หรือเปล่า? วันนี้เรามีบทความดีๆจากนิตยสารชีวจิตมาฝากค่ะ กับ 5 วิธีบู๊สต์พลัง ป้องกัน มะเร็งเต้านม ไปดูกันเลยค่ะ


การกินอาหารและการออกกำลังกายของสาวๆ ก่อประโยชน์ทั้งความแข็งแรงแก่ร่างกาย และยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ปกติกลายสภาพเป็นเซลล์ร้าย อันเป็นต้นเหตุของ มะเร็งเต้านม อีกด้วย

จึงชวนคุณสาวๆมาดูแลสุขภาพเต้านมให้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย 5 วิธี ดังนี้

1. รักษาน้ำหนักตัว

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างความอ้วนกับมะเร็งเต้านมจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้หญิงที่น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติจะมีความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน โดยจากการศึกษาล่าสุด พบว่า ผู้หญิงที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) มากกว่า 30 ขึ้นไป มักมีเข้าข่ายเป็นโรคมะเร็ง อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าผู้หญิงที่มีค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 25
สาเหตุมาจากเนื้อเยื่อมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนปริมาณสูง ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านมให้เจริญเติบโตและพัฒนามากขึ้น

2. หมั่นออกกำลังกาย

เพราะผู้หญิงที่นั่งนานๆ หรือไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย มีโอกาสที่มะเร็งเต้านมจะลุกลามประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีงานวิจัย ระบุว่า การออกกำลังกายสามารถช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคอ้วน รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสมดุล และเสริมมวลกระดูก ทั้งนี้ งานวิจัยยังได้แนะนำว่า วิธีออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด คือ การเดิน นั่นเอง โดยทำวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4-5 วัน

3. กินอาหารให้สมดุล

ควรกินผักและผลไม้ที่มีสารแอนติออกซิแดนต์ อย่างเช่น บลอกโคลี กะหล่ำปลี คะน้า แตงโม ธัญพืช และและอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น เมล็ดฟักทอง วอลนัท ถั่วเหลือง และปลา เพราะสารอาหารเหล่านี้ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้

4. งดดื่มแอลกอฮอล์

ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าวันละ 1-2 แก้ว มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเต้านม
มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป ถึงแม้รักษาหายดีแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นมะเร็งได้เช่นกัน

5. กินวิตามินดีให้เพียงพอ

มีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับวิตามินดีหรือมีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำ จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า ผู้ที่มีระดับวิตามินดีอยู่ในเกณฑ์ปกติ

สำหรับผู้ป่วยโรคนี้ที่รักษาตัวเองจนอาการเป็นปกติแล้ว หากร่างกายมีระดับวิตามินดีต่ำ ก็มีโอกาสกลับมาเป็นโรคมะเร็งซ้ำได้
ดังนั้น ควรหมั่นไปตรวจเช็กปริมาณวิตามินดีในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และหากพบว่ามีปริมาณต่ำ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 366





OPERATION BIM (Balancing Immunity) จะส่งผลให้ประชากรโลกสามารถมีอายุยืนขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายสามารถป้องกันสิ่งและสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น สารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ตลอดจนเซลล์มะเร็ง และ ร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง โรคเอสแอลอี SLE  สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ กรดไหลย้อน ข้อเข่าเสื่อม เก๊าท์ รูมาตอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ ตับเสื่อม ไตวาย หอบหืด สันนิบาต และ มะเร็ง เป็นต้น

http://www.jumbolifeshop.com/category/8/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-operation-bim

 







สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ Operation BIM 

โทร 089-071-8889 อานนท์




มะเร็งเต้านม




มะเร็งเต้านม








ไคร้เครือ สมุนไพรอันตราย ทำลายไตและทำให้เป็นมะเร็ง

ไคร้เครือ สมุนไพรอันตราย ทำลายไตและทำให้เป็นมะเร็ง



เมื่อราว 20ปีก่อน เกิดเหตุหญิงชาวเบลเยี่ยมจำนวนหนึ่งเกิดไตวายขึ้น จากการสืบสวนโรคพบว่าหญิงเหล่านั้นได้รับยาสมุนไพรลดน้ำหนักมา เมื่อสืบกลับไปจึงพบว่ายาสมุนไพรเหล่านั้นทำมาจากพืชในตระกูล Aristolochia และเมื่อทำการวิเคราะห์หาสารภายใน ก็พบว่ายาสมุนไพรกลุ่มนี้มีกรดที่เรียกว่า Aristolochic acid ซึ่งทำให้เกิดภาวะไตอักเสบและนำไปสู่ไตวาย นอกจากนั้นสารนี้ยังสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งในทางเดินปัสสาวะได้

ยากลุ่มนี้ถูกผสมอยู่ในตำรับยาจีนหลายชนิด บางครั้งเกิดการสลับด้วยความเข้าใจผิดจากการสะกดชื่อที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “ไตวายจากสมุนไพรจีน” (การที่ไต้หวันมีผู้ป่วยไตวายจำนวนมาก เชื่อกันว่าเกิดจากการมีสมุนไพรชนิดนี้แทรกอยู่ในตำรับยา )
และภาวะที่เรียกว่า “ไตวายคาบสมุทรบัลข่าน” (จากการมีเมล็ดของ Aristolochia Clementis ติดเข้าไปในกระบวนการเก็บเกี่ยวข้าวนำไปทำขนมปัง

ในไทย เคยมีการถอดสมุนไพรในตระกูลนี้ออกไปจากตำรับยาไทย ได้แก่สมุนไพรที่ชื่อว่า ไคร้เครือ ไคร้เครือเป็นรากไม้ของพืชในกลุ่ม Aristolochia  ทั้งนี้ในสมัยก่อนเป็นที่สับสนกัน เนื่องจากรูป ไคร้เครือ ที่สั่งห้ามจะถูกผู้ขายบอกว่าเป็นคนละรูปกับที่ประชาสัมพันธ์ห้าม เคยมีงานวิจัยที่สำรวจย้อนทางกลับไปว่า ไคร้เครือ ที่ขายในร้านขายยามีที่มา อย่างไร ซึ่งพบว่า ไคร้เครือ ในไทย ทำมาจากรากของต้น กระเช้าผีมด Aristolochia tagala cham และ หนอนตาย Aristolochia pierrei Lecomte

ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกินยาสมุนไพรที่ไม่ทราบแหล่งที่มาที่ไป และสมุนไพรที่มีส่วนประกอบจากพืชทุกชนิดที่อยู่ในตระกูล Aristolochia

พืชในตระกูลนี้ มีจุดเด่นที่มีส่วนของดอกที่รูปร่างคล้ายกระเปาะของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง แต่ต่างกันตรงที่มันไม่มีฝาปิด และไม่สามารถกินแมลงได้ nederlandsegokken.nl พืชกลุ่มนี้หลายชนิดจะมีชื่อว่า “กระเช้า” นำหน้า เช่น กระเช้าถุงทอง กระเช้าสีดา

ขอบคุณที่มาจาก : สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย





OPERATION BIM (Balancing Immunity) จะส่งผลให้ประชากรโลกสามารถมีอายุยืนขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายสามารถป้องกันสิ่งและสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น สารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ตลอดจนเซลล์มะเร็ง และ ร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง โรคเอสแอลอี SLE  สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ กรดไหลย้อน ข้อเข่าเสื่อม เก๊าท์ รูมาตอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ ตับเสื่อม ไตวาย หอบหืด สันนิบาต และ มะเร็ง เป็นต้น

http://www.jumbolifeshop.com/category/8/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-operation-bim

 







สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ Operation BIM 
โทร 089-071-8889 อานนท์


ข่าวเด็ด7สี วิจัยBIMต้านมะเร็ง



งานวิจัยBIMต้านมะเร็ง




ทานผักตระกูลกะหล่ำลดเสี่ยงโรคมะเร็ง



โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยอันดับหนึ่ง หลายคนคงไม่อยากให้โรคร้ายนี้เข้ามาย่างกราย แต่จะทำอย่างไรได้ โรคนี้ไม่มีสัญญาณบอกหรือเตือนเสียด้วย จะรู้อีกทีก็ตรวจพบเจอมะเร็งเสียแล้ว  พฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นส่วนสำคัญหากไม่ระมัดระวังหรือตามใจปาก อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้โดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจึงขอแนะนำอุปนิสัยการทานอาหารที่ช่วยให้คุณห่างไกลจากมะเร็ง

  -ควรรับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กำหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า  หัวผักกาด บรอคโคลี่ ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลายกระเพาะอาหารและอวัยวะระบบทางเดินหายใจ

  -ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก ๆ เช่น ผัก-ผลไม้  ข้าวโพด เมล็ดธัญพืช อื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่

  -รับประทานอาหารที่มีเบต้า-แคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่น ผักสด ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพือป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด

  -รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผักสด และผลไม้ต่าง ๆ



      กลุมของสารอาหารที่ชวยลดการเสี่ยงตอการเกิดโรคมะเร็งดวยกัน 5 กลุมคือ

1. เบตา-แคโรทีน พบในผักและผลไมสีเขียว หรือเหลืองเขม ไดแกมะมวงผักขม แครอท บรอคโคลี่และมะเขือเทศ

2. วิตามิน พบในพวกผลไมที่มีรสเปรี้ยวไดแกสตรอเบอรี่แตงโม สม ชะเอม

3. ซิลิเนียม อยูในจมูกขาวรําขา ปลาทูนา หัวหอม กระเทียมและเห็ด

4. ใยอาหาร มีมากในผักผลไมและพวกเมล็ดธัญพืชตางๆ

5. คารโบไฮเดรตเชิงซอน พบในขนมปงธัญพืชและถั่วตางๆ




OPERATION BIM (Balancing Immunity) จะส่งผลให้ประชากรโลกสามารถมีอายุยืนขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายสามารถป้องกันสิ่งและสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น สารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ตลอดจนเซลล์มะเร็ง และ ร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง โรคเอสแอลอี SLE  สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ กรดไหลย้อน ข้อเข่าเสื่อม เก๊าท์ รูมาตอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ ตับเสื่อม ไตวาย หอบหืด สันนิบาต และ มะเร็ง เป็นต้น

http://www.jumbolifeshop.com/category/8/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-operation-bim

 







สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ Operation BIM 
โทร 089-071-8889 อานนท์


ข่าวเด็ด7สี วิจัยBIMต้านมะเร็ง



งานวิจัยBIMต้านมะเร็ง