วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สะเก็ดเงิน ปวดข้อรูมาติสซั่ม 089-71-8889




OPERATION BIM (Balancing Immunity) จะส่งผลให้ประชากรโลกสามารถมีอายุยืนขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายสามารถป้องกันสิ่งและสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพและก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น สารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ตลอดจนเซลล์มะเร็ง และ ร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง โรคเอสแอลอี SLE  สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ กรดไหลย้อน ข้อเข่าเสื่อม เก๊าท์ รูมาตอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ ตับเสื่อม ไตวาย หอบหืด สันนิบาต และ มะเร็ง เป็นต้น

คลิ๊ก!!!




สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ Operation BIM 

โทร 089-071-8889 อานนท์





วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

14 เรื่องเล็ก ๆ ที่ทำให้น้ำหนักลดได้



14 เรื่องเล็ก ๆ ที่ทำให้น้ำหนักลดได้

คุณไม่จำเป็นต้องอดอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย หรือออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อที่จะลดน้ำหนัก เพราะผลการศึกษาใหม่ ๆ บอกให้เรารู้ว่า แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างแค่เล็กน้อย มันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว แถมยังช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย ไปดูกันว่า วิธีที่เราหยิบมาแนะนำวันนี้มีอะไรบ้าง

1.หยิบปากกาทุกครั้งหลังอาหาร

ไม่ใช่แค่หยิบปากกาขึ้นมาเฉย ๆ หรอกนะจ๊ะ แต่ให้หยิบขึ้นมาจดว่า มื้อนั้นคุณทานอะไรเข้าไปบ้าง เพื่อจะได้ควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารให้เหมาะสมเท่านั้นเอง แถมยังสามารถจำกัดแคลอรี่ไม่ให้มากเกินความต้องการของร่างกายได้ด้วยนะ เพราะเราจะได้รู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมการรับประทานเป็นแบบไหนนั่นเอง ลืมทานมื้อไหนหรือเปล่า หรือชอบทานอะไรซ้ำ ๆ กันในรอบสัปดาห์ หรือวันหยุด นั่นเพราะการรู้ว่าตัวเองทานอะไร อย่างไร จะช่วยให้คุณคำนวณได้ว่า ควรเปลี่ยนอะไรให้ถูกต้องเหมาะสมสำหรับตัวเอง

ขณะเดียวกัน การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังบอกด้วยว่า คนที่จดว่าทานอะไรเข้าไปบ้าง ได้สารอาหารอะไรบ้าง จะสามารถลดน้ำหนักลงได้มากกว่าคนที่ไม่ได้จดถึง 2 เท่า และหากคุณทำเช่นนี้พร้อม ๆ กับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม คุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้เฉลี่ย 5-6 กิโลกรัม ภายใน 6 เดือนทีเดียวเชียว

2.ข้ามโฆษณาไปซะ

เมื่อใดที่รายการโปรดของคุณเปลี่ยนเป็นโฆษณา ขอให้คุณลุกขึ้นจากที่นั่งซะ แล้วจะไปแดนซ์ ไปเดินขึ้นลงบันไดหรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นจนรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน หากคุณทำแบบนี้ในช่วงพักโฆษณาที่คุณดูโทรทัศน์ 2 ชั่วโมง คุณจะสามารถเบิร์นแคลอรี่ได้ถึงวันละ 270 แคลอรี่เลยทีเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 28 ปอนด์ (12.7 กิโลกรัม) ในหนึ่งปีเชียวล่ะ

3.อาหารแคลอรี่สูง...สัปดาห์ละมื้อก็พอ

อาหาร 5 อย่างที่ให้ไขมันสูง แคลอรี่สูง แต่คุณสาว ๆ ชอบกันนักก็คือ คุกกี้ ทอฟฟี่ ไอศกรีม มันฝรั่งทอด และเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งเราขอแนะนำให้คุณเลี่ยงซะ อย่างถ้าคุณรับประทานอาหารจำพวกนี้สัปดาห์ละหกวัน ก็ให้ลดลงเหลือสัปดาห์ละห้าวันแทน แล้วค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงสัปดาห์ละสองวัน หนึ่งวัน (หรือไม่ทานได้เลยยิ่งดี) และขณะเดียวกันก็ให้คุณหันไปรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพิ่ม เช่น เบบี้แครอท บรอกโคลี ส้ม หรือผักผลไม้สดอื่น ๆ

4.สมัครรับจดหมายข่าวเกี่ยวกับสุขภาพ

การศึกษาชิ้นหนึ่งบอกให้เราทราบว่า คนที่มักรับอีเมลที่มีเนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพ การไดเอต และการออกกำลังกายเป็นเวลา 16 สัปดาห์ จะเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เริ่มทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากขึ้น รวมทั้งรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผักผลไม้มากขึ้น พร้อม ๆ กับการลดไขมันทรานส์ และไขมันอิ่มตัวลง

5.เดินให้มากขึ้น

มีการศึกษาบอกว่า เพียงแค่เพิ่มการทำกิจกรรมบางอย่างทุกวัน วันละเพียง 1 นาทีไปเรื่อย ๆ ในที่สุด เป้าหมายที่คุณจะทำกิจกรรมนั้น ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาทีก็ไม่ยากจนเกินไป แถมยังสามารถลดแคลอรี่ลงได้วันละมากกว่า 120 แคลอรี่ด้วย ซึ่งกิจกรรมง่าย ๆ ที่เราแนะนำก็คือ

หากจะซื้อของที่ร้านค้าใกล้บ้าน ก็ให้เดินไปแทน
ขณะคุยโทรศัพท์ให้เดิน และเปลี่ยนสถานที่คุยไปเรื่อย ๆ ดีกว่านั่งอยู่กับที่
เดิน หรือจอดรถไว้ในจุดที่ไกลจากห้างสรรพสินค้า แล้วเดินไปแทน
เดินเล่นหลังทานอาหารกลางวัน และอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว

6.เน้นกล้ามเนื้อบ้าง

การออกกำลังที่จะช่วยเพิ่มการเมตาบอลิซึมแบบง่าย ๆ ก็คือ การวิดพื้น ซึ่งผลการศึกษาบอกว่า การออกกำลังลักษณะนี้ให้ประสิทธิภาพพอ ๆ กับการเข้ายิมเลยทีเดียว นอกจากนี้ ในการออกกำลังกายแต่ละเซต ควรทำให้กล้ามเนื้อของคุณรู้สึกล้าสัก 60-90 วินาทีด้วย

7.เดินขึ้นบันไดสิ

ลองปีนขึ้นบันไดสักวันละ 2-3 นาที จะสามารถเบิร์นแคลอรี่และช่วยลดน้ำหนักได้ถึงปีละ 1-2 ปอนด์ โดยผลการศึกษาจากฮาร์วาร์ด บอกว่า ผู้ชายที่เดินขึ้นบันไดมากกว่า 70 ช่วงขั้น (flight of stairs) ต่อสัปดาห์ จะมีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ชายที่เดินขึ้นบันไดเพียง 20 ช่วงขั้นต่อสัปดาห์ถึง 18% เช่นนั้นแล้วเริ่มตั้งแต่วันนี้ โดยอาจจะขึ้นบันไดวันละ 2 ช่วงขั้นบันไดก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มทุกวันอย่างช้า ๆ

8.พกเครื่องนับก้าวเดินไปด้วย

เวลาออกไปไหนอย่าลืมพกเครื่องนับก้าวเดิน (Pedometer) ติดตัวไปด้วยล่ะ เพราะการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่พกเครื่องนับก้าวเดินและเดินได้มากกว่า 2,500 ก้าว (ประมาณ 1 ไมล์) จะช่วยลดแคลอรี่ลงได้มากกว่าคนที่ไม่พกเครื่องมือดังกล่าวถึง 100 แคลอรี่ ว้าว!

9.ทำอาหารทานเองอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

การออกไปนั่งทานอาหารในร้านอาหารจะทำให้คุณได้รับพลังงานสูงถึง 1,000 แคลอรี่ ซึ่งนอกจากจะได้ไขมันแล้ว ยังจะได้โซเดียมเกินปริมาณที่ควรจะได้รับแต่ละวันอีกต่างหาก ถ้าเช่นนั้นแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำอาหารทานเองดูที่บ้านดีกว่า เพราะที่ปรึกษาด้านโภชนาการของลอสแอนเจลิสบอกว่า

"เมื่อคุณทำอาหารทานเอง ไม่เพียงแต่คุณจะสามารถควบคุมปริมาณการรับประทานให้เหมาะสมได้แล้ว คุณยังสามารถลดการทานน้ำตาล เกลือ และไขมันได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้ราคาอาหารในร้านอาหารแพงหูฉี่"

10.ลดความอ้วนได้ด้วยการเดิน 1 ไมล์

ปฏิญาณตนซะว่า จะต้องเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) เพราะการเดินทุก ๆ วัน มันจะช่วยให้น้ำหนักคุณลดได้ 13-17 ปอนด์ (5.8-7.7 กิโลกรัม) ภายใน 1 ปี ถ้าไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์

11.ทานอาหารอย่างเพลิดเพลินใน 10 นาที

ก่อนที่คุณจะทานอาหารในแต่ละมื้อ ขอให้คุณใช้เวลาสักนาทีสองนาที ในการดมและมองอาหารเสียก่อน จากนั้น ค่อย ๆ เคี้ยวคำเล็ก ๆ อย่างช้า ๆ ค่อย ๆ คลุกเคล้าอาหารชิ้นนั้นในปากของคุณ และพยายามนึกถึงรูปร่างและรสชาติของมันก่อนจะกลืน แล้วถามตัวเองว่า คุณอยากจะทานมันอีกหรือไม่ หากต้องการทานอีก ก็ทานซ้ำได้ แต่คราวนี้ขอให้เคี้ยวสัก 20 ครั้งก่อนกลืน พยายามทำให้การรับประทานอาหารของคุณเหมือนกับการออกกำลังกายจนกระทั่งถึงคำสุดท้าย ซึ่งควรจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที

"เมื่อคุณใช้เวลาทานอาหารอย่างช้า ๆ และทานอย่างใช้ความคิดว่ารสชาติอาหารนั้นเป็นเช่นไร คุณจะรู้สึกพอใจกับอาหารมื้อนั้นมากขึ้น และจะหยุดรับประทานเมื่อคุณรู้สึกพอใจแล้ว" เลสลีย์ ลุสต์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาการจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียตะวันออก บอกให้รู้

12.ทานผลไม้สด แต่ไม่ใช่น้ำผลไม้

มองข้ามน้ำผลไม้ทั้งหลายไปได้เลย แล้วหันมาทานผลไม้สดทั้งลูกแทน เพื่อที่คุณจะได้รับไฟเบอร์ที่ดีต่อการไดเอต และยังทำให้รู้สึกอิ่มได้นานด้วย โดยการวิจัยพบว่า ไฟเบอร์ที่สกัดออกมาในของเหลว เช่น น้ำผลไม้ จะไม่ช่วยให้คุณอิ่มเหมือนกับไฟเบอร์ทั่ว ๆ ไปที่ได้จากผลไม้สดทั้งลูกโดยตรง นั่นเพราะเมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะถูกสร้างขึ้น และมันจะส่งสัญญาณไปยังสมอง เพื่อให้เตรียมพร้อมกับการย่อยอาหาร แต่การดื่มน้ำผลไม้ จะไม่ทำให้สมองได้รับสัญญาณ เพื่อบอกต่อไปยังระบบย่อยอาหาร ดังนั้น คุณจะรู้สึกอิ่มเพียงแค่เดี๋ยวเดียว

นอกจากนี้ ถ้าคุณดื่มน้ำผลไม้มากกว่าการทานผลไม้สด ๆ จะทำให้คุณได้รับแคลอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 48% จากส่วนผสมต่าง ๆ ในน้ำผลไม้ เช่น น้ำตาล เกลือ ซึ่งหากคุณดื่มน้ำผลไม้ทุกวัน คุณมีสิทธิ์จะอ้วนขึ้นถึงปีละ 4 ปอนด์ (1.8 กิโลกรัม) เชียวแหนะ

13.เลือกกาแฟให้ถูกแก้ว

จากการสุ่มตัวอย่างเก็บข้อมูลกาแฟ และชาที่ซื้อมาจาก 115 ร้านในนิวยอร์ก รวมกว่า 3,000 ตัวอย่าง พบว่า กาแฟหรือชาที่ชงนั้นมีแคลอรี่เฉลี่ย 63 แคลอรี่ (ใส่นมและน้ำตาล) ขณะที่กาแฟที่ปรุงแต่งหน้าให้สวยด้วยวิปครีม และอื่น ๆ มีแคลอรี่มากถึงแก้วละ 239 แคลอรี่ หากคุณรับประทานกาแฟแบบนั้นทุกวัน น้ำหนักคุณจะพุ่งถึงปีละ 18 ปอนด์ (8 กิโลกรัม) เลยรู้ไหม ดังนั้น พยายามลดละเลิกกาแฟที่น่าทานแบบนั้นซะ และหันมาดื่มกาแฟที่ผสมนมและน้ำตาลเล็กน้อยจะดีกว่า

14.หยุดน้ำหนักพุ่งด้วยการนอน

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย บอกให้เรารู้ว่า การอดนอน หรือนอนน้อย เป็นเหตุให้น้ำหนักเพิ่มพรวดได้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลอง ให้ผู้ร่วมทดลองนอนประมาณ 10 ชั่วโมงเป็นเวลา 2 วัน ส่วนอีก 5 วันถัดมาให้นอนน้อยลง และกลับมานอนตามปกติอีก 4 วัน หลังจากผ่าน 11 วันนี้ไป พบว่า ผู้ร่วมการทดลองกลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 3 ปอนด์ (1.3 กิโลกรัม) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่พักผ่อนอย่างเพียงพอ

จะลดน้ำหนักได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเท่านั้น อย่ารอช้า เปลี่ยนพฤติกรรมนิด ปรับพฤติกรรมหน่อยเสียตั้งแต่วันนี้นะคะ







ลดกระชับสัดส่วนดีที่สุดในโลกบันทึกลงกินเนสบุ๊ค
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก!!!
หรือโทร 089-071-8889





ว่ายน้ำแล้วผอมเร็วขึ้นจริงไหม? ยังไงมาดูกัน




ว่ายน้ำแล้วผอมเร็วขึ้นจริงไหม? ยังไงมาดูกัน

ว่ายน้ำเป็นกิจกรรมช่วยเบิร์นไขมันที่ได้ผลมากทีเดียว หลายคนที่กำลังไดเอตหุ่นให้สวยเซี๊ยะ ก็เลยเลือกกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมไดเอตกันด้วย แต่บางคนที่ยังไม่แน่ใจว่าการว่ายน้ำจะช่วยให้น้ำหนักลด หุ่นเป๊ะได้จริงไหม วันนี้เราก็ได้นำ 7 เหตุผลดี ๆ จากเว็บไซต์ allwomenstalk.com มาช่วยยืนยันให้ได้รู้กัน ว่าแค่ว่ายน้ำก็สามารถสร้างสรีระแจ่ม ๆ ให้เราได้แล้วล่ะ

1. ช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้น

เหตุผลข้อแรกก็คือการว่ายน้ำเพียง 1 ชั่วโมง จะช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากถึง 500-750 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัม แต่ความสามารถในการเผาผลาญจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละบุคคล และท่าว่ายน้ำด้วย ดังนั้นหากคุณควบคุมอาหารและออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้น้ำหนักลดได้อย่างรวดเร็วขึ้น

2. ได้ออกแรงมากขึ้น เพราะมีแรงต้านทาน

กิจกรรมออกกำลังกายที่มีแรงต้านทาน เช่น การปั่นจักรยาน หรือการวิ่ง จะช่วยให้ร่างกายได้ออกแรงกล้ามเนื้อมากขึ้น จึงทำให้มีโอกาสลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นเช่นกัน และการว่ายน้ำที่ร่างกายต้องออกแรงต้านทานกับน้ำ ก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของการลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยจ้า

3. ได้ออกกำลังทุกสัดส่วน

การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่บังคับให้เราได้ขยับร่างกายทุกสัดส่วน โดยเฉพาะกับท่าฟรีสไตล์ (freestyle) ที่ต้องออกกำลังแขน และตีขาไปพร้อม ๆ กัน ส่วนศีรษะก็ต้องหันซ้าย หันขวาเหนือน้ำเพื่อหายใจด้วย ซึ่งสามารถช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากถึง 475-700 กิโลแคลอรี่ต่อ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอัตราความเร็วของการว่ายน้ำค่ะ

4. ท่ากบช่วยเบิร์นได้มากขึ้น

จากการทดลองพบว่า การว่ายน้ำท่ากบ หรือท่าผีเสื้อสามารถช่วยเบิร์นแคลอรี่ในผู้หญิงที่มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัมได้มากถึง 750 กิโลแคลอรี่ต่อชั่วโมง เพราะท่ากบหรือท่าผีเสื้อจะบังคับให้ร่างกายได้เกร็งหน้าท้อง และออกแรงทั้งแขนและขาได้มากกว่าท่าว่ายอื่น ๆ จึงช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนั่นเอง

5. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น

อย่างที่บอกว่าการว่ายน้ำก็เป็นกิจกรรมที่มีแรงต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เราต้องออกแรงมากขึ้น และจากการทดลองของผู้หญิงคนหนึ่งที่รัดเข็มขัดน้ำหนัก 20 ปอนด์ในขณะว่ายน้ำต่อเนื่องกัน 1 ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่าสามารถเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายได้ถึง 600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และเธอยังรู้สึกว่ากล้ามเนื้อ และร่างกายแข็งแรงขึ้น จนสามารถวิ่งแข่งขันได้เร็วขึ้น เท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า นอกจากการว่ายน้ำจะช่วยให้เราได้เบิร์นแคลอรี่แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

6. ว่ายท่ากรรเชียงก็ดีนะ

สำหรับใครที่ถนัดท่ากรรเชียง ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าเป็นท่าว่ายน้ำที่ไม่ต้องขยับร่างกายมากก็จริง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเบิร์นแคลอรี่ได้น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เพระท่ากรรเชียงเองก็ช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้ถึง 450-500 กิโลแคลอรี่ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะท่านี้จะต้องวาดแขนให้เร็ว และตีขาอย่างแรงไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ร่างกายได้ขยับไม่น้อยกว่าท่าอื่น ๆ เลยล่ะค่ะ

7. ยิ่งตีขายิ่งช่วยเบิร์นแคลอรี่

ว่ายน้ำต่อเนื่องติดต่อกัน 1 ชั่วโมง หลายคนอาจจะเหนื่อยเกินไป ดังนั้นแนะนำให้หยุดพักหลังว่ายน้ำได้ครบ 20 นาที และระหว่างพักให้เกาะสระ แล้วตีขาเร็ว ๆ ต่อเนื่องกัน 20 ครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำกัน 3 ยก แล้วจากนั้นจะลอยตัวข้างสระเพื่อพักอีกสักหน่อย แล้วค่อยว่ายต่อให้ครบ 1 ชั่วโมงก็ได้

รู้เหตุผลดี ๆ ของการว่ายน้ำที่สามารถช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นได้กันแล้ว เชื่อได้ว่าหลายคนที่กำลังเข้าโปรแกรมไดเอตกันอยู่คงอยากเสริมกิจกรรมว่ายน้ำลงไปในโปรแกรมด้วยอย่างแน่นอน แต่หากใครไม่สามารถทำได้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น ถึงเวลาต้องไปเรียนสักทีแล้วไหมคะ จะได้ออกกำลังกายลดหุ่นด้วยวิธีนี้ได้ แถมยังเป็นทักษะเอาไว้ช่วยชีวิตตัวเองและคนอื่นในภายภาคหน้าได้ด้วย






TONE-PM กระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน ลดไขมันหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมFoodMatrix จาก อเมริกา

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก!!!
หรือโทร 089-071-8889