วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

BIM100 ดูแลสุขภาพโรคตาเสื่อม เบาหวาน ความดัน โทร 094 709 4444





BIM100 ดูแลสุขภาพโรคตาเสื่อม เบาหวาน ความดัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ Operation BIM

โทร 089-071-8889 ,094-435-0404

        094-709-4444,088-826-4444

https://www.bim100forlife.com/

line id : @jumbolife



 โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติบริเวณจุดศูนย์กลางการรับภาพของจอประสาทตา

ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะภาพตรงกลาง โดยที่ภาพด้านข้างของการมองเห็นยังดีอยู่ พบมากในผู้ที่มีอายุ 65 ปี

ขึ้นไป ซึ่งโรคนี้เป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จะทำให้การมองเห็นลดลงจนอาจทำให้ตาบอดได้อย่าง

รวดเร็วภายใน 2 ปี หากไม่ได้รับการรักษา และหากพบว่าเป็นโรคนี้ในตาข้างหนึ่งข้างใดแล้ว จะมีความเสี่ยงสูงมากกว่า

40%  ที่จะเกิดกับตาอีกข้างหนึ่งภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่เคยเป็นในตาข้างแรกแล้ว



สาเหตุของโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม



ปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่



1. อายุ สามารถพบได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป

2. พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรได้รับการตรวจเช็คจอประสาทตาทุก 1 ปี

3. เชื้อชาติและเพศ พบโรคนี้ได้มากในคนต่างชาติ ยุโรป, อเมริกา และเพศหญิงที่มีอายุมากกว่า 60 ปี

4. การสูบบุหรี่ เพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

5. ภาวะความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยาลดความดันโลหิตและมีระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดสูง

    ระดับแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำ มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก (Wet AMD)

6. วัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและไม่ได้รับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจน มักมีความเสี่ยงสูง

    ในการเป็นโรคนี้



ชนิดของโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม



1. แบบแห้ง (Dry AMD)

         

     เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เกิดจากการเสื่อมและบางตัวลงของจุดศูนย์กลางการรับภาพของจอประสาทตา (Macular)

จากกระบวนการเสื่อมตามอายุ อาการเริ่มต้นของโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง คือ การมองเห็นภาพเบลอ

ทำให้มองเห็นหน้าคนไม่ชัดเจน เป็นผลให้จำหน้าบุคคลไม่ได้ หรือต้องใช้แสงสว่างมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆ หรือ

ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการเริ่มจากตามัวเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสามารถในการมองเห็นจะค่อยๆ ลดลง

และเป็นไปอย่างช้าๆ





2. แบบเปียก (Wet AMD)



    พบประมาณ 10 - 15 % ของโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด แต่จะสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วและเป็นสาเหตุ

สำคัญของอาการตาบอดในโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม เกิดจากมีหลอดเลือดผิดปกติงอกอยู่ใต้จอประสาทตา

ทำให้เลือดและของเหลวที่อยู่ภายในไหลซึมออกมา เป็นผลให้จุดศูนย์กลางการรับภาพบวม ผู้ป่วยจะเริ่มมองเห็นภาพ

ตรงกลางบิดเบี้ยว และเมื่อเซลล์ประสาทตาตาย ผู้ป่วยจะสูญเสียการมองเห็นในที่สุด อาการเริ่มต้นของโรคศูนย์กลาง

จอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก คือ เริ่มเห็นเส้นตรงกลายเป็นเส้นโค้งบิดเบี้ยว เห็นภาพสีซีดจางกว่าปกติ และอาจเห็น

จุดมืดดำที่ตรงกลางภาพ

         

     ผู้ป่วยที่ตรวจพบว่ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งของโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม สามารถสังเกตความผิดปกติ

ด้วยตัวเองได้ โดยการใช้แผ่นทดสอบ "แอมส์เลอร์กริด" (Amsler Grid) โดยไม่ต้องถอดแว่นตา หรือ คอนแทคเลนส์ที่

ใส่อยู่ออก  โดยนำแผ่นทดสอบไปติดบนผนังที่มีแสงสว่างเพียงพอในระดับสายตา ยืนห่างจากแผ่นภาพประมาณ 14 นิ้ว

ใช้มือปิดตาข้างหนึ่งไว้แล้วมองที่จุดสีดำตรงกลางแผ่นทดสอบด้วยตาข้างที่เปิดอยู่ ทำซ้ำเช่นเดียวกันกับตาอีกข้าง หาก

มองเห็นลายเส้นตรงบนแผ่นทดสอบ มีลักษณะเป็นคลื่น หงิกงอ ขาดจากกัน พร่ามัว หรือบางพื้นที่หายไปจากที่มองเห็น

ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ภายใน 1 สัปดาห์ จักษุแพทย์จะทำการตรวจโดยใช้กล้อง Slit Lamp Biomicroscope และตรวจ

พิเศษด้วยการฉีดสีเพื่อถ่ายภาพจอประสาทตา หรือเข้าเครื่องตรวจวิเคราะห์ภาพตัดขวางจอประสาทตา เพื่อดูลักษณะและ

ขอบเขตความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น